วันที่ ๒๔ เดือน มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
ที่มา: กาญมณี ประนิธิ.สรุปสังคม.กรุงเทพฯ.จิรวัฒน์การพิมพ์.๒๕๕๐.หน้า
๑๐๒-๑๑๐
เรื่อง เนื้อเยื่อของพืช
โครงสร้างของเนื้อเยื่อเจริญ
เนื้อเยื่อเจริญคือ เนื้อเยื่อพืชซึ่งประกอบด้วยเซลล์ที่สามารถแบ่งตัวแบบไมโทซิส (Mitosis)
ได้ตลอดเวลา
ลักษณะเป็นเซลล์ที่มีชีวิต
มีรูปร่างหลายแบบ
ส่วนมากรูปร่างหลายเหลี่ยมหรือค่อนข้างกลม
มีขนาดเล็ก ผนังเซลล์บาง นิวเคลียสใหญ่ ไซโทพลาสซึมเต็มเซลล์ แวคิวโอลเล็กหรือไม่มีการเรียงตัวของเซลล์อยู่ชิดกันมากจนไม่มีช่องว่างระหว่างเซลล์ (Intercellular space)
เซลล์ของเนื้อเยื่อเจริญเหล่านี้เมื่อหยุดแบ่งตัวแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงสภาพไปเป็นเนื้อเยื่อถาวรต่อไป
ชนิดของเนื้อเยื่อเจริญเมื่อจำแนกตามตำแหน่งที่อยู่ในส่วนของพืชแบ่งได้เป็น
๓ ชนิด คือ
๑. เนื้อเยื่อเจริญปลายยอด (Apical meristem)
เป็นเนื้อเยื่อเจริญที่อยู่บริเวณปลายยอด ปลายราก
ปลายกิ่ง และที่ตา ทำหน้าที่ช่วยให้ส่วนต่างๆ ของพืชยืดยาวและสูงขึ้น
๒. เนื้อเยื่อเจริญด้านข้าง (Lateral meristem)
เป็นเนื้อเจริญที่อยู่บริเวณด้านข้างของลำต้นและรากในพืชใบเลี้ยงคู่ที่มีการเจริญทุติยภูมิ
ทำหน้าที่ช่วยเพิ่มขนาดทางด้านข้างหรือเพิ่มความหนาของลำต้นและราก ได้แก่
วาสคิวลาร์แคมเบียม (Vascular cambium)
และคอร์กแคมเบียม (Cork cambium)
๓. เนื้อเยื่อเจริญระหว่างปล้อง (Intercalary
meriatem) เป็นเนื้อเยื่อเจริญที่อยู่บริเวณข้อหรือเหนือข้อ พบในพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ทำหน้าที่ช่วยเพิ่มความยาวของปล้อง
ชนิดของเนื้อเยื่อเจริญเมื่อจำแนกตามการเกิดและการเจริญเติบโตจำแนกได้เป็น
๓ ชนิด คือ
๑. เนื้อเยื่อเจริญเริ่มแรกหรือโพรเมอริสเต็ม (Promeristem) เป็นเนื้อเยื่อเจริญที่เกิดขึ้นใหม่จากกลุ่มเซลล์ที่มีรูปร่าง ขนาด และลักษณะคล้ายกันมาก ผนังเซลล์บาง
นิวเคลียสใหญ่ แวคิวโอลเล็กหรือไม่มีไซโทพลาสซึมข้น กิจกรรมทางเคมีของพืชสูง
และการเรียงตัวของเซลล์ชิดกันไม่มีช่องว่างระหว่างเซลล์ เนื้อเยื่อเจริญกลุ่มนี้พบมากบริเวณ ปลายยอด
ปลายราก ปลายกิ่ง และตา
๒. เนื้อเยื่อเจริญปฐมภูมิ (Primary meristem)
เป็นเนื้อเยื่อเจริญที่ประกอบด้วยกลุ่มเซลล์ที่ได้มาจากการแบ่งตัวของเซลล์ในกลุ่มเนื้อเยื่อเจริญเริ่มแรกหรือโพรเมอริสเต็ม มีการเจริญพัฒนาเปลี่ยนลักษณะรูปร่าง
กิจกรรมทางเคมีและคุณสมบัติทางสรีรวิทยาไปจากเดิมแต่ยังไม่สมบูรณ์นัก ทำให้ได้กลุ่มเซลล์ใหม่ ๓ กลุ่ม
คือ โพรโทเดิร์ม (Protoderm) โพรแคมเบียม (Procambium) และกราวด์เมอริสเต็ม (Ground meristem)
กลุ่มเซลล์เหล่านี้จะพบในบริเวณที่ต่ำกว่าปลายยอดและเหนือปลายรากเล็กน้อย ในบริเวณที่เซลล์มีการขยายตัว
เนื้อเยื่อเจริญชนิดนี้ยังคงมีการแบ่งเซลล์ การเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงรูปร่างต่อไป
๓. เนื้อเยื่อเจริญทุติยภูมิ (Secondary meristem)
เป็นเนื้อเยื่อเจริญที่ประกอบด้วย กลุ่มเซลล์ที่เจริญเปลี่ยนแปลงมาจากเนื้อเยื่อเจริญปฐมภูมิ หรือมาจากเนื้อเยื่อถาวรปฐมภูมิบางชนิด
เพื่อทำหน้าที่เพิ่มและขยายขนาดความหนาทางด้านข้างของพืช โดยมีการแบ่งตัวและเจริญไปเป็นเนื้อเยื่อถาวรทุติยภูมิ พบในส่วนลำต้นและรากของพืชใบเลี้ยงคู่ และจิมโนสเปิร์ม (สน และ
ปรง) เป็นต้น
เนื้อเยื่อเจริญทุติยภูมินี้ประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่สำคัญ ๒
ชนิดคือ
๓.๑ วาสคิวลาร์แคมเบียม (Vascular cambium)
เป็นเนื้อเยื่อเจริญที่อยู่ระหว่างกลุ่มท่อน้ำ (Xylem) และท่ออาหาร (Phloem) โดยเจริญมาจากโพรแคมเบียมที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปเป็นเนื้อเยื่อถาวรตั้งแต่แรก
หรือเจริญมาจากพาเรงคิมาที่อยู่ระหวางท่อลำเลียงเพื่อทำหน้าที่สร้างเนื้อเยื่อถาวร กลุ่มท่อลำเลียงทุติยภูมิคือ ไซเลมทุติยภูมิ (Secondary xylem)
และโฟลเอ็มทุติยภูมิ
(Secondary phloem)
๓.๒ คอร์ก แคมเบียม
(Cork cambium) หรือเฟลโลเจน (Phellogen)
เป็นเนื้อเยื่อที่เกิดจากการแบ่งตัวของพาเรงคิมาที่แปรสภาพกลับกลายไป (Differentiation และ Redifferentiation) เป็นเนื้อเยื่อเจริญ เกิดขึ้นใกล้ๆ
กับเอพิเดอร์มิสในบริเวณคอร์เทกซ์ (Cortex) ของลำต้น หรือใน เพอริไซเคิล (Pericycle) ของราก
เซลล์มีลักษณะรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าค่อนข้างแบน ผนังบาง
เรียงตัวกันแน่น
ไม่มีช่องว่างระหว่างเซลล์
มีหน้าที่สร้างคอร์กในส่วนผิวของลำต้นและรากที่มีการเจริญแบบทุติยภูมิ
โครงสร้างของเนื้อเยื่อถาวร
เนื้อเยื่อถาวรเป็นเนื้อเยื่อพืชซึ่งเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว
ประกอบด้วยกลุ่มเซลล์ที่แปรสภาพมาจากเนื้อเยื่อเจริญ มีรูปร่างคงที่ ไม่มีการแบ่งตัวเพิ่มขึ้นอีก และมีหน้าที่เฉพาะอย่าง
ชนิดของเนื้อเยื่อถาวร
เนื้อเยื่อถาวรสามารถจำแนกได้ตามระยะการเจริญเติบโตเป็น
๒
ชนิด คือ
๑. เนื้อเยื่อถาวรปฐมภูมิ (Primary permanent
tissue) เป็นเนื้อเยื่อถาวรที่เจริญมาจากเนื้อเยื่อเจริญปฐมภูมิ ได้แก่
เอพิเดอร์มิส พาเรงคิมา คอลเลงคิมา
สเกลอเรงคิมา เอนโดเดอร์มิส ไซเลมปฐมภูมิ
และโฟลเอ็มปฐมภูมิ เป็นต้น
๒. เนื้อเยื่อถาวรทุติยภูมิ (Secondary permanent
tissue) เป็นเนื้อเยื่อถาวรที่เจริญมาจากเนื้อเยื่อเจริญทุติยภูมิ ได้แก่
เพริเดิร์ม ไซเลมทุติยภูมิ และโฟลเอ็มทุติยภูมิ เป็นต้น
ชนิดของเนื้อเยื่อถาวรจำแนกตามลักษณะของเซลล์แบ่งเป็น ๒
ชนิด คือ
๑. เนื้อเยื่อถาวรเดี่ยว (Simple permanent
tissue) ประกอบด้วยกลุ่มเซลล์ชนิดเดียวกันล้วนๆ
ทำหน้าที่อย่างเดียวกัน ได้แก่ เอพิเดอร์มิส พาเรงคิมา
คอลเลงคิมา สเกลอเรงคิมา และเพอริเดิร์ม เป็นต้น
๒. เนื้อเยื่อถาวรเชิงซ้อน (Complex permanent
tissue) ประกอบด้วยเซลล์หลายชนิดอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน เพื่อทำหน้าที่ร่วมกัน ได้แก่
ไซเลมและโฟลเอ็ม
ซึ่งอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เรียก
เนื้อเยื่อท่อลำเลียง (Vascular tissue)
การเจริญพัฒนาของระบบเนื้อเยื่อพืช
การเจริญพัฒนาของระบบเนื้อเยื่อเกิดขึ้นโดยเนื้อเยื่อเจริญเริ่มแรกหรือเนื้อเยื่อเจริญปลายยอด ปลายรากของพืชมีการแบ่งตัว (Cell
division) ขยายขนาดของเซลล์ (Cell
elongation) เปลี่ยนแปลงรูปร่างลักษณะและคุณสมบัติทางสรีรวิทยาของเซลล์ (Cell
differentiation) ไปเป็นเนื้อเยื่อเจริญปฐมภูมิ
และจะมีการเปลี่ยนแปลงต่อไปเป็นเนื้อเยื่อถาวรปฐมภูมิ (Primary permanent
tissue) ซึ่งจัดเป็นระยะที่พืชมีการเจริญเติบโตปฐมภูมิ (Primarygrowth) โดยมีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้คือ
๑. โพรโทเดิร์ม (Protoderm) เป็นบริเวณผิวนอกสุดมีความหนาเพียงชั้นเดียว
มีการเปลี่ยนสภาพต่อไปเป็นเซลล์ผิวชั้นนอกหรือเอพิเดอร์มิส
๒. โพรแคมเบียม (Procambium) เป็นเนื้อเยื่อที่อยู่รวมเป็นกลุ่มแทรกอยู่บริเวณส่วนกลางของปลายยอดหรือปลายราก
จะมีการเปลี่ยนสภาพไปเป็นเนื้อเยื่อท่อลำเลียงปฐมภูมิ คือ
ไซเลมและโฟลเอ็ม
นอกจากนี้อาจเปลี่ยนสภาพไปเป็นเนื้อเยื่อที่ให้กำเนิดรากแขนง หรือเพริไซเคิล
๓. กราวด์เมอริสเต็ม (Ground meristem)
เป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ถัดโพรโทเดิร์มเข้าไป
จะเจริญแปรสภาพไปเป็นเนื้อเยื่อถาวรซึ่งเป็นเซลล์พื้นของรากและลำต้น ได้แก่
พาเรงคิมา คอลเลงคิมา สเกลอเรงคิมา
ในบริเวณคอร์เทกซ์และไส้ในหรือพิธ (Pith)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น